http://library.sk.ac.th >>    Wednesday, 08 May 2024
หน้าแรก arrow ข่าวสาร arrow หนังสือที่น่าสนใจ arrow สายพันธ์อารยันกับนาซี

มีอะไรในห้องสมุด
ข้อมูลห้องสมุด
นโยบาย วิสัยทัศน์ พันธกิจ
ประวัติห้องสมุด
สถานที่
บริการทั่วไป
กิจกรรม
สาระน่ารู้
วันสำคัญ
สมานมิตร
รางวัลซีไรต์
นักเขียนซีไรต์
สิ่งพิมพ์ออนไลน์
e-newspaper
e-journal
e-book
กฤคภาคข่าว
ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ไทย (TIAC)
ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์(Thailis)
ทำเนีบยนิตยสารประเทศไทย
สายพันธ์อารยันกับนาซี PDF พิมพ์ ส่งเมล
 วีรกร ตรีเศศ  "อาหารสมอง : สายพันธ์อารยันกับนาซี "   มติชนสุดสัปดาห์  
  (วันที่ 17 พฤศจิกายน 2549 ปีที่ 27 ฉบับที่ 1370 หน้า 20)
 

        สงครามสร้างความชั่วร้าย ทำลายความดีความงามและความเจริญ เรื่องเล่าในวันนี้สนับสนุนข้อความข้างต้น โดยย้อนหลังไป 60 กว่าปี ในประเทศเยอรมนี ภายใต้อำนาจเด็ดขาดของระบอบนาซีที่สถาปนาขึ้นมาโดย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์

      คนเยอรมันหลายคนในวัย 60 กว่าปีเพิ่งทราบเมื่อไม่นานมานี้ว่าพ่อที่แท้จริงของตนนั้นมิได้ตายเพราะสู้รบอย่างกล้าหาญในสงครามดังที่แม่เล่าให้ฟัง หากเป็นทหารในหน่วยที่มีชื่อว่า Waffen SS ซึ่งเป็นทหารพิเศษของฮิตเลอร์ที่คัดสรรมาว่าเป็นสายเลือดอารยัน คนเยอรมันเหล่านี้เป็นเด็กจากโครงการ Lebensborn ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการขยายเชื้อชาติอารยันตามที่ฮิตเลอร์และกลุ่มนาซีเชื่อว่าเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ของคนเยอรมันที่เหนือกว่ามนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ในโลก 
      Lebensborn หรือ Spring of Life (น้ำพุแห่งชีวิต) หมายถึงโครงการที่สร้างคลีนิคขึ้นทั่วเยอรมนีและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น โปแลนด์ นอร์เวย์ ฯลฯ เพื่อให้หญิงมีครรภ์ (ส่วนใหญ่ยังเป็นโสด) ไปคลอดลูกอย่างเป็นความลับ แม่จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีโดยแพทย์และพยาบาลที่จ้างมาโดยหน่วยทหาร SS

      หญิงมีครรภ์ที่จะได้รับบริการจากคลีนิคจะต้องมีลักษณะทางชาติพันธุ์ที่เหมาะสม (ผมสีบลอนด์ ตาสีฟ้า) นอกจากนี้ ยังต้องจงรักภักดีต่อระบอบนาซี และต้องพิสูจน์ว่าไม่มีความบกพร่องทางพันธุกรรมอีกด้วย

      หญิงมีครรภ์หลายคนโดยแท้จริงแล้วเป็นภรรยาของนายทหาร SS เพื่อมารับบริการ และอีกหลายคนเมื่อคลอดแล้วก็มีสัมพันธ์กับนายทหาร SS จนท้อง (Heinrich Himmler หัวหน้า SS สนับสนุนให้ลูกน้องมีลูกกับหญิงนอกสมรสมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อขยายชาติพันธุ์ที่ดีของเยอรมัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นสุดยอดของมนุษย์ชาติ)

      เด็กประมาณ 6,000-8,000 คน เกิดในคลีนิคเหล่านี้ในเยอรมนีระหว่าง 1936-1945 และเนื่องจากโครงการนี้เป็นเรื่องลี้ลับ บ่อยครั้งไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแน่นอน เด็กเหล่านี้จึงไม่รู้ความจริงและไม่มีการบันทึกรายละเอียดของการเกิดลงในสูติบัตรด้วย

     ใน 20 ปีที่ผ่านมา ความลี้ลับถูกเปิดเผยมากขึ้น และพบผลพวงของความเลวร้ายยิ่งขึ้น ฮิตเลอร์เป็นผู้ก่อสงครามขึ้นโดยมุ่งหวังที่จะให้เยอรมนีครอบงำโลก โดยตั้งใจใช้โครงการ Lebensborn เป็นเครื่องมือขยายเผ่าพันธุ์อารยัน

     นักประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สองพบว่าหญิงที่ท้องขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ไม่สามารถทำแท้งได้เพราะผิดกฎหมาย บ้างก็ยกลูกให้ทหาร SS เป็นลูกบุญธรรม บ้างก็เลี้ยงลูกเองหลังสงครามด้วยความทนทุกข์ทรมานใจเพราะต้องหลอกลวงลูก ต้องลวงผู้คนเพราะหากรู้ว่าเป็นลูกทหาร SS ก็จะถูกเกลียดชัง

      สำหรับเด็กที่เกิดในคลีนิค Lebensborn ในประเทศที่เยอรมนียึดครองอันเนื่องมาจากความสัมพันธ์กับทหาร SS ยิ่งประสบความลำบากมากยิ่งขึ้นเพราะรัฐบาลเยอรมนีถือว่าเป็นลูกศัตรู เมื่อเติบโตหลังสงครามก็กลายเป็นพลเมืองของชาตินั้นไปโดยทั้งแม่และลูกถูกตราหน้าว่าเป็นพวกนาซี

    เชื้อสายอารยันมีความสำคัญเพียงใดจนต้องมีการตั้งโครงการ Lebensborn ขึ้น? "เชื้อสายอารยัน" เป็นคอนเซ็ปต์ในวัฒนธรรมยุโรปที่ "มาแรง" ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 (1890 กว่าๆ และ 1910 กว่าๆ) บ้างเชื่อว่าเชื้อพันธุ์นี้มีกำเนิดจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซียปัจจุบัน บ้างเชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของคนเยอรมันและสแกนดิเนเวียแต่โบราณ และท้องถิ่นเหล่านี้เท่านั้นที่ยังคงสามารถรักษาความบริสุทธิ์ของเชื้อพันธุ์ไว้ได้

     ในโลกตะวันตกในยุคต้นศตวรรษที่ 19 บ้างเชื่อว่าชาติพันธุ์อารยันเหนือกว่าทุกชาติพันธุ์ ฉลาดกว่า และเก่งกว่า อย่างสมควรที่จะเก็บไว้เป็นต้นแบบของมนุษยชาติเพื่อเผยแพร่พันธุ์ต่อไป

      อย่างไรก็ดี มีนักประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อถือได้ระบุว่ามีการกล่าวถึงชาติพันธุ์อารยันในจารึก Persians (เปอร์เซียคือชื่อโบราณของอิหร่าน) ตั้งแต่ก่อนคริสตกาล 500 ปี คำว่า "Aryan" ในตอนแรกโยงใยกับวัฒนธรรม Indo-Iranian (อินเดีย-อิหร่าน) และต่อมาในศตวรรษที่ 19 กลายมาผูกพันกับวัฒนธรรม Indo-European (อินเดีย-ยุโรป)

      นักประวัติศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าไอเดียเรื่องชาติพันธุ์อารยันเกิดขึ้นเมื่อนักภาษาศาสตร์ค้นพบว่า Avestan ซึ่งเป็นภาษาโบราณของเปอร์เซียและภาษาสันสกฤตของอินเดียตอนเหนือ เป็นสองภาษาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จึงตั้งชื่อกลุ่มคนโบราณที่ประดิษฐ์ภาษาเหล่านี้ขึ้นว่า Aryans ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤตและ Avestan ว่า "Arya" ซึ่งหมายถึงมนุษย์ที่มีความสูงส่ง มีอิสระ มีฝืมือ

    Arya ก็คือ "อารยะ" ในภาษาไทยซึ่งมีความหมายอย่างเดียวกัน สองคำคือ "อารยะ" และ "อารยัน" จึงโยงใยกันอย่างใกล้ชิด ("อารยะขัดขืน" ฟังดูยิ่งน่ารักขึ้นอีก") ซึ่งหมายถึงความสูงส่ง ความศิวิไลซ์ ความมีเกียรติและคุณธรรม

    อย่างไรก็ดี ในยุโรปในต้นศตวรรษที่ 20 "อารยัน" ถูกบิดเบือนไปจนหมายถึง White European" (คนยุโรปผิวขาว ยกเว้นยิวและอาหรับ โดยอ้างว่าเพราะภาษาดั้งเดิมไม่ได้อยู่ในตระกูล Indo-European)

    ต่อมาถูกบิดเบือนยิ่งขึ้นภายใต้ระบอบนาซี ว่า "อารยัน" คือชนชาติพิเศษซึ่งเป็นต้นตระกูลของคนเยอรมันจนต้องคัดสรรสายพันธุ์บริสุทธิ์แห่งความยิ่งใหญ่เอาไว้ เพราะจะยิ่งทำให้เยอรมันนีสามารถครองโลกไว้ได้นานเท่านาน

    ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนบ้าเชื่อเช่นนี้ได้ แต่ความจริงก็คือในยุคล่าอาณานิคมของสมัยนั้น ความเชื่อในเรื่องความเหนือกว่าของคนผิวขาวเป็นเรื่องธรรมดา ไอเดียในเรื่อง "อารยัน" จึงเกิดขึ้นและมีส่วนนำไปสู่การฆ่าฟันชาวยิวนับล้านคนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

     คนบ้าเพียงคนเดียวพร้อมสมัครพรรคพวกจำนวนหนึ่งที่เชื่อและงมงายในเรื่องเดียวกัน สามารถสร้างความทุกข์และความหายนะให้แก่โลกได้อย่างไม่น่าเชื่อ


วีรกร ตรีเศศ

< ก่อนหน้า
Copyright © 2006 by Suankularb Wittayalai School Library, All right reserved.
เว็บไซต์นี้ควรชมด้วยโปรแกรม Internet Explorer 5.5 ขึ้นไป และชมด้วยหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาด 1024x768 มากที่สุด
อาคารศาลาพระเสด็จ 88 ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทร. 02-222-6701, 02-222-4196 ต่อ 401
Top!