รมว.ศึกษาฯ เผยผลหารือกับบอร์ด สทศ. เห็นตรงกันปรับนำผลสอบโอเน็ตทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ไปรวมกับผลสอบประเมินของโรงเรียน เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็ก ม.ปลายก่อนจบการศึกษา โดยให้น้ำหนักถ่วงดุลกัน (29 พ.ย.) ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลังให้นโยบายการประชุมคณะกรรมการบริหารสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ว่า ตนได้หารือว่า สทศ.ไม่ควรคิดว่าจะจัดทดสอบเพื่อตอบสนองการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย เพราะการทดสอบมีวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ทางการศึกษา จึงควรจะตอบสนองได้ทั้งหมด เช่น ถ้าจะมีการทดสอบตามช่วงชั้นของการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อต้องการทราบผลการจัดการศึกษาว่าเป็นอย่างไร เพราะหากโรงเรียนจัดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ของเด็กเอง อาจเกิดความไม่เชื่อถือได้ ดังนั้น ถ้ามีหน่วยมาตรฐานกลางมาวัดแล้วบอกผลว่าคุณภาพแต่ละวิชาเป็นอย่างไร คนจะเชื่อถือ
ศ.ดร.วิจิตร กล่าวอีกว่า ที่ประชุมจึงคุยกันถึงการสอบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) และการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง (เอเน็ต) โดยเห็นว่าการสอบโอเน็ตแท้จริงแล้วเป็นการสอบเพื่อวัดผลระดับมัธยมปลาย ประโยชน์ของผลการสอบน่าจะสะท้อนผลการจัดการศึกษามัธยมปลาย จึงคิดกันว่าถ้าเป็นเช่นนี้ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนที่โรงเรียนจัดสอบอยู่แล้วทุกปี แล้วเอาผลมาสะสมเป็นคะแนนเฉลี่ยสะสมมัธยมปลาย (จีพีเอ) จึงควรจะนำผลสอบโอเน็ตที่จัดสอบทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ถ่วงน้ำหนักเข้าไปด้วย จะเอากี่เปอร์เซ็นต์ก็ได้ แล้วถือว่าผลสัมฤทธิ์ของเด็กมี 2 ส่วน คือที่โรงเรียนจัดสอบเองและส่วนที่เป็นการทดสอบกลางแล้วรายงานผลออกมาตรงนี้เอาไปใช้ประกอบเข้ามหาวิทยาลัยได้โดยไม่ต้องแยกสอบโอเน็ตและเอเน็ตอีกต่อไป
“ถ้ามหาวิทยาลัยใดต้องการสอบเพิ่มเติมก็ไปสอบเฉพาะที่เพิ่มเติม ผลการเรียนก็จะออกมาในรูปของจีพีเอ บวกกับผลโอเน็ต รายละเอียดการดำเนินการจะมีการคุยกันต่อ แต่ทุกคนเห็นด้วยว่าถ้าทำแบบนี้แล้วเด็กทุกคนจะเข้าสอบโอเน็ต ขณะนี้เด็กบางคนไม่ได้สอบและไม่ได้ออกทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้จึงไม่ได้สะท้อนอะไร แต่โอเน็ตที่ทำตอนนี้ทำเพื่อเอาผลไปเข้ามหาวิทยาลัยมากกว่าที่จะสอบเพื่อสะท้อนผลการจัดการศึกษามัธยม” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าว
ศ.ดร.วิจิตร กล่าวว่า สำหรับผลดังกล่าวยังไม่ได้นำไปใช้ในปีการศึกษา 2549 แต่ต้องนำไปออกแบบก่อน และทำเร็วเกินไปอาจผิดพลาด ถ้าทำได้เร็วอาจทำได้ในปี 2551 แต่หลักการสามารถแก้ปัญหาได้เกือบทุกเรื่องมีความน่าเชื่อถือได้มากขึ้น ช่วยเรื่องมาตรฐานของโรงเรียนเพราะจะมีหน่วยมาตรฐานกลางเข้าไปถวงน้ำหนัก สำหรับตุ๊กตาที่เป็นไปได้อาจจะเป็นสัดส่วนผลการสอบของโรงเรียนร้อยละ 60 และผลโอเน็ตร้อยละ 40 แล้วในอนาคตก็จะพัฒนาไปสู่สัดส่วนร้อยละ 50:50 ทั้งนี้ การจัดสอบจะไม่ทำให้เกิดการกวดวิชา เพราะไม่ได้เอาผลสอบโอเน็ตมาใช้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่นำมาเสริมให้การประเมินของโรงเรียนมีมาตรฐานดีขึ้นและแก้ปัญหาโรงเรียนมาตรฐานต่างกัน เพราะเป็นข้อสอบเดียวกัน
ศ.ดร.วิจิตร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ได้ขอให้ สทศ.เร่งแก้ภาพลักษณ์ที่ทำให้คนไม่เชื่อถือไม่มั่นใจในการทำงานของ สทศ.ที่เคยเกิดปัญหาการสอบโอเน็ตและเอเน็ตในปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้อำนวยการ สทศ.บอกว่ามีนโยบายนี้อยู่แล้วและเห็นด้วยต้องเร่งดำเนินการ เพราะหากคนไม่เชื่อถือก็ทำงานไม่ได้
แหล่งที่มา : "วิจิตร"ไฟเขียวนำผลโอเน็ตรวมผลประเมินม.ปลายก่อนจบ" หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549
|