หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือสงครามมหาเอเชียบูรพาสิ้นสุดลง มีทหารไทยจำนวนมากได้ถูกปลดปล่อยในการจากเป็นทหาร จึงได้มีเสียงเรียกร้องขอให้ทาง ราชการพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ดั้งนั้น ในปี พ.ศ. 2490 กระทวงกลาโหมอันเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านนี้โดยตรง จึงได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ทหารที่กลับจากการปฏิบัติการรบ และช่วยเหลือครอบครัวทหารที่เสียชีวิตในการรบ แต่ก็ยังเป็นหน่วยงานที่ยังไม่เป็นทางการ ต่อมา กระทรวงกลาโหมได้เสนอพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกขึ้น โดยได้ผ่านการเห็นชอบทางรัฐบาล และได้มีการประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 จึงได้ยึดถือเอาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ทุกปี เป็นวันทหารผ่านศึก โดยมีพลโท ชมะบูรณ์ ไพรีระย่อเดช เป็นผู้อำนวยการคนแรก ในปี พ.ศ. 2510 องค์การทหารผ่านศึกได้ปรับเปลี่ยนฐานะมาเป็นองค์การเพื่อการกุศลของรัฐ และเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย โดยได้รับเงินอุดหนุนจากกระทรวงกลาโหม และเงินที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นครั้งคราว ภารกิจหลักขององค์การทหารผ่านศึก ได้แก่ การให้การสงเคราะห์แก่ทหารที่ผ่านการปฏิบัติการรบ และครอบครัวของทหารที่ปฏิบัติการรบซึ่งแบ่งออกเป็น 6 ประเภทคือ 1. การสงเคราะห์ทางด้านสวัสดิการ เป็นการสงเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องทั่วๆไป ที่อยู่อาศัย การศึกษา ตลอดจนให้ความช่วยเหลือด้านอวัยวะเทียม 2. การสงเคราะห์ทางด้านอาชีพ โดยการฝึกอบรมและการฝึกอาชีพให้ความช่วยเหลือในด้านการทำงาน จัดหางานให้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 3. การสงเคราะห์ด้านนิคมเกษตรกรรม จัดสรรที่ทำกินในด้านเกษตรกรรมให้ และให้ความช่วยเหลือทางด้านเครื่องมือและวิชาการ 4. การสงเคราะห์ด้านกองทุน โดยการจัดหาเงินทุนให้สมาชิกขององค์การทหารผ่านศึก ได้กู้ยืมไปประกอบอาชีพ 5. การสงเคราะห์ด้านการรักษาพยาบาลให้แก่สมาชิก โดยไม่คิดมูลค่า 6. ให้มีการส่งเสริมสิทธิของทหารผ่านศึก โดยการขอสิทธิพิเศษในด้านต่างๆ ให้แก่ทหารผ่านศึก เช่น การขอลดค่าโดยสาร เป็นต้น ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารผู้เสียสละแม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยและอธิปไตยของชาติ ที่มา : วรนุช อุษณกร. ประวัติวันสำคัญที่ควรรู้จัก. โอเดียนสโตร์,2538.
|